เปิดตำราทำเอง! ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม หอมนุ่มละมุนลิ้น ทำกินเองก็ฟิน ทำขายก็รวย!
สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้เราจะมาเปิดครัวสอนทำ ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม เมนูขนมยอดฮิตที่ใครๆ ก็หลงรัก ด้วยรสชาติหวานมันเค็มที่เข้ากันอย่างลงตัว แป้งบางนุ่มละลายในปาก ไส้ถั่วเนียนละเอียด หอมกลิ่นควันเทียนอ่อนๆ และไข่เค็มแดงมันเยิ้ม บอกเลยว่าทำกินเองก็ฟิน ทำขายก็รับทรัพย์แน่นอนค่ะ! ไม่ต้องกลัวว่าทำยาก เพราะเราจะสอนแบบละเอียดทุกขั้นตอน พร้อมเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้ขนมเปี๊ยะของคุณอร่อยเพอร์เฟ็กต์เหมือนมืออาชีพทำเลยค่ะ
ทำไมต้องทำขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็มกินเอง?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องเสียเวลาทำ ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม กินเอง ในเมื่อหาซื้อกินได้ง่ายตามร้านเบเกอรี่ทั่วไป เหตุผลก็คือ:
- ความสดใหม่และคุณภาพ: เราสามารถเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี สดใหม่ ทำเองได้ทุกขั้นตอน มั่นใจได้ว่าสะอาดและปลอดภัย
- รสชาติที่ถูกใจ: เราสามารถปรับรสชาติให้ถูกปากได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นความหวาน ความเค็ม หรือปริมาณไข่เค็ม
- ความภูมิใจ: การทำขนมด้วยตัวเองเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ได้เห็นผลงานที่มาจากความตั้งใจของเราเอง
- ประหยัดเงิน: การทำขนมเองมักจะประหยัดกว่าซื้อสำเร็จรูป โดยเฉพาะถ้าทำในปริมาณมาก
ส่วนผสมที่ต้องเตรียม (สำหรับทำประมาณ 12-15 ชิ้น)
ส่วนผสมแป้งชั้นนอก:
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 30 กรัม
- น้ำมันพืช 60 กรัม
- น้ำเปล่า 80-100 กรัม (ค่อยๆ เติม)
ส่วนผสมแป้งชั้นใน:
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 120 กรัม
- น้ำมันพืช 60 กรัม
ส่วนผสมไส้ถั่ว:
- ถั่วเขียวซีกเลาะเปลือก 250 กรัม (แช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน)
- น้ำตาลทราย 150-200 กรัม (ปรับตามความชอบ)
- น้ำมันพืช 50-70 กรัม
- กะทิ 50-70 กรัม (หรือนมสด)
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา (ถ้ามี)
ส่วนผสมอื่นๆ:
- ไข่แดงเค็มดิบ 6-8 ฟอง (ผ่าครึ่ง)
- ไข่ไก่ (สำหรับทาหน้าขนม)
- งาขาว (สำหรับโรยหน้า)
- น้ำมันพืช (สำหรับทาถาด)
ขั้นตอนการทำขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม (แบบละเอียด!)
1. เตรียมไส้ถั่ว:
- ล้างถั่วเขียวที่แช่น้ำไว้ให้สะอาด สะเด็ดน้ำออก
- นำถั่วเขียวไปนึ่งด้วยไฟกลางจนสุกนิ่ม (ประมาณ 20-30 นาที)
- นำถั่วเขียวนึ่งสุกไปปั่นหรือบดให้ละเอียด
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป ผัดถั่วบดกับน้ำตาลทราย เกลือป่น และกะทิ (หรือนมสด)
- ผัดด้วยไฟอ่อนจนส่วนผสมแห้งและเหนียวขึ้น ค่อยๆ เติมน้ำมันพืชทีละน้อย ผัดจนไส้ถั่วเนียน ไม่ติดกระทะ
- ใส่กลิ่นวานิลลา (ถ้ามี) ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น
- ปั้นไส้ถั่วเป็นก้อนกลม ขนาดตามต้องการ (ประมาณ 25-30 กรัมต่อก้อน) กดให้แบนเล็กน้อย วางไข่แดงเค็มลงไปตรงกลาง หุ้มไส้ให้มิดชิด พักไว้
2. ทำแป้งชั้นนอก:
- ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ลงในอ่างผสม
- เติมน้ำตาลทราย น้ำมันพืช และค่อยๆ เติมน้ำเปล่า นวดให้เข้ากันจนแป้งเนียนนุ่ม ไม่ติดมือ
- คลุมด้วยผ้าขาวบางหรือพลาสติกแรป พักแป้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
3. ทำแป้งชั้นใน:
- ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ลงในอ่างผสม
- เติมน้ำมันพืช นวดให้เข้ากันจนแป้งเป็นเนื้อเดียวกัน
- คลุมด้วยผ้าขาวบางหรือพลาสติกแรป พักแป้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
4. ประกอบร่างขนมเปี๊ยะ:
- แบ่งแป้งชั้นนอกและแป้งชั้นในออกเป็นก้อนกลมเท่าๆ กัน (จำนวนเท่ากับไส้ถั่ว)
- แผ่แป้งชั้นนอกให้เป็นแผ่นกลมบาง วางแป้งชั้นในลงตรงกลาง ห่อให้มิดชิด
- คลึงแป้งที่ห่อแล้วให้เป็นแผ่นยาว ม้วนให้เป็นโรล
- ตัดแบ่งโรลออกเป็น 2 ส่วน
- นำแต่ละส่วนมาคลึงให้เป็นแผ่นกลมบาง วางไส้ถั่วไข่เค็มลงตรงกลาง ห่อให้มิดชิด
- คลึงให้เป็นทรงกลมสวยงาม
5. อบขนมเปี๊ยะ:
- ทาถาดด้วยน้ำมันพืช วางขนมเปี๊ยะลงบนถาด
- ทาหน้าขนมเปี๊ยะด้วยไข่ไก่ (ผสมน้ำเล็กน้อย) โรยงาขาว
- นำเข้าอบในเตาอบที่วอร์มไว้แล้ว อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-25 นาที หรือจนขนมเปี๊ยะเป็นสีเหลืองทอง
- นำออกจากเตาอบ พักไว้ให้เย็นสนิทก่อนเสิร์ฟ
เคล็ดลับความอร่อย:
- เลือกถั่วเขียวซีกอย่างดี: จะทำให้ไส้ถั่วมีรสชาติหอมอร่อย
- ผัดไส้ถั่วด้วยไฟอ่อน: จะช่วยให้ไส้ถั่วไม่ไหม้และมีสีสวย
- พักแป้งให้เพียงพอ: จะช่วยให้แป้งนุ่มและคลึงง่าย
- อบขนมเปี๊ยะด้วยไฟกลาง: จะช่วยให้ขนมเปี๊ยะสุกทั่วถึงและมีสีสวย
- ทาไข่แดงเค็มด้วยน้ำมันงา: ก่อนนำไปอบ จะช่วยให้ไข่แดงเค็มมีสีสวยงามและไม่แห้ง
- อบควันเทียน: หลังจากอบขนมเปี๊ยะเสร็จ ให้นำไปอบควันเทียน จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
การเก็บรักษาขนมเปี๊ยะ:
ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม ที่ทำเสร็จแล้วสามารถเก็บไว้ในภาชนะปิดสนิทที่อุณหภูมิห้องได้ประมาณ 2-3 วัน หรือเก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนรับประทาน ให้นำมาอุ่นเล็กน้อย จะช่วยให้ขนมเปี๊ยะกลับมานุ่มอร่อยเหมือนเดิม
สรุป
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับสูตร ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ ไม่ยากอย่างที่คิดใช่ไหมคะ? ลองทำตามกันดูนะคะ รับรองว่าคุณจะได้ ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม ที่อร่อย หอมนุ่ม ละมุนลิ้น แถมยังภูมิใจในฝีมือตัวเองอีกด้วย! อย่าลืมแชร์สูตรนี้ให้เพื่อนๆ ด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ!