• Home
  • อาหารไทย
  • แกงขี้เหล็ก สูตรโบราณ รสขมนิดๆ กลมกล่อม อร่อยแบบแกงไทยแท้

แกงขี้เหล็ก สูตรโบราณ รสขมนิดๆ กลมกล่อม อร่อยแบบแกงไทยแท้

สูตรแกงขี้เหล็ก

แกงขี้เหล็ก คืออะไร ทำไมถึงเป็นแกงไทยที่มีเอกลักษณ์

แกงขี้เหล็ก เป็นแกงไทยพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนจาก “รสขม” ซึ่งเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของใบและดอกขี้เหล็ก เมื่อปรุงอย่างถูกวิธี ความขมจะไม่แรงจนเกินไป แต่กลับช่วยตัดความมันของกะทิและทำให้รสชาติของแกงมีมิติ กลมกล่อม และกินได้เรื่อยๆ

ในอดีตแกงขี้เหล็กมักทำกินกันในครัวเรือนไทย โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคอีสาน นิยมใส่ หมูย่าง หรือปลาย่างลงไปเพื่อเพิ่มความหอม ปัจจุบันแกงขี้เหล็กยังคงเป็นเมนูที่หลายคนค้นหา ทั้งในแง่ของ สูตรแกงขี้เหล็ก, วิธีทำแบบไม่ขม และเคล็ดลับให้รสชาติอร่อยแบบต้นตำรับ

ลแกงขี้เหล็ก ต่างจากแกงไทยชนิดอื่นอย่างไร

จุดเด่นของแกงขี้เหล็กคือรสขมอ่อนๆ ซึ่งแตกต่างจากแกงกะทิทั่วไปที่มักเน้นเผ็ดหรือหวาน

  • ใช้ใบและดอกขี้เหล็กเป็นวัตถุดิบหลัก

  • รสขมช่วยตัดเลี่ยนจากกะทิ

  • มักใส่หมูย่างหรือปลา เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม

  • น้ำแกงมีความขลุกขลิก ไม่ใสจนเกินไป

ด้วยเหตุนี้ แกงขี้เหล็กจึงเป็นแกงที่คนรักอาหารไทยดั้งเดิมมักนึกถึงเสมอ

สูตรแกงขี้เหล็ก

วัตถุดิบแกงขี้เหล็ก (ใส่อะไรบ้าง)

สำหรับ 3–4 ที่

วัตถุดิบหลัก

  • ใบและดอกขี้เหล็กต้มสุก 300 กรัม

  • หมูย่าง (หรือหมูสามชั้นต้ม) 200–300 กรัม

  • กะทิ 500 มิลลิลิตร (หัวกะทิ + หางกะทิ)

  • พริกแกงเผ็ด 2–3 ช้อนโต๊ะ

เครื่องปรุงรส

  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

  • เกลือเล็กน้อย

หัวข้อนี้ช่วยตอบคำค้น แกงขี้เหล็กใส่อะไรบ้าง ได้ครบถ้วน

วิธีทำแกงขี้เหล็ก

เคล็ดลับต้มใบขี้เหล็กไม่ให้ขมเกิน

หนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำแกงขี้เหล็กให้อร่อย คือการจัดการกับความขมของใบขี้เหล็ก

  • ต้มใบขี้เหล็กในน้ำเดือดจัดประมาณ 10–15 นาที

  • เปลี่ยนน้ำต้มอย่างน้อย 2 ครั้ง

  • บีบน้ำออกก่อนนำไปแกง เพื่อลดความขม

  • หากใช้ดอกขี้เหล็ก ความขมจะน้อยกว่าใบ

เมื่อเตรียมใบขี้เหล็กดีแล้ว แกงจะมีรสขมนิดๆ พอดี ไม่ฝาดคอ

วิธีทำแกงขี้เหล็ก แบบละเอียดทีละขั้น

ขั้นตอนที่ 1 เตรียมใบขี้เหล็ก

นำใบและดอกขี้เหล็กที่ต้มและบีบน้ำออกแล้วพักไว้ หากเป็นหมูย่าง ให้หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ

ขั้นตอนที่ 2 ผัดพริกแกง

ตั้งหม้อ ใส่หัวกะทิลงไป เคี่ยวด้วยไฟกลางจนเริ่มแตกมัน จากนั้นใส่พริกแกงเผ็ด ผัดจนหอม สีเข้มขึ้น

ขั้นตอนที่ 3 ใส่หมูย่าง

ใส่หมูย่างลงผัดกับพริกแกง คลุกให้เครื่องแกงเคลือบเนื้อหมู จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมเฉพาะตัว

ขั้นตอนที่ 4 เติมหางกะทิ

เติมหางกะทิลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 10–15 นาที ให้น้ำแกงเข้มข้นและหมูนุ่ม

ขั้นตอนที่ 5 ใส่ใบขี้เหล็ก

ใส่ใบและดอกขี้เหล็กลงไป คนเบาๆ ให้เข้ากัน เคี่ยวต่ออีกเล็กน้อย

ขั้นตอนที่ 6 ปรุงรส

ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ชิมให้ได้รส ขมนิด มัน เค็ม หวานอ่อนๆ จากนั้นปิดไฟ

วิธีทำแกงขี้เหล็ก

เคล็ดลับทำแกงขี้เหล็กให้อร่อยแบบโบราณ

  • ใช้หมูย่างจะให้กลิ่นหอมมากกว่าหมูต้ม

  • ผัดพริกแกงกับหัวกะทิให้แตกมันก่อนเสมอ

  • อย่าใส่ใบขี้เหล็กตั้งแต่ต้น เพราะจะขมเกิน

  • รสขมควรเป็นตัวรอง ไม่ควรนำโดด

แกงขี้เหล็กแบบดัดแปลงยอดนิยม

  • แกงขี้เหล็กหมูย่าง สูตรดั้งเดิม หอมเข้ม

  • แกงขี้เหล็กหมูสามชั้น มันนัว กินง่าย

  • แกงขี้เหล็กปลาแห้ง กลิ่นหอมเฉพาะ

  • แกงขี้เหล็กไม่ใส่เนื้อ เหมาะกับมังสวิรัติ (ปรับเครื่องปรุง)

การดัดแปลงเหล่านี้ช่วยให้แกงขี้เหล็กเข้ากับรสนิยมที่หลากหลาย

แกงขี้เหล็กกินกับอะไรอร่อย

  • ข้าวสวยร้อนๆ

  • ข้าวเหนียว

  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว

  • ปลาทอดหรือไข่เจียว ช่วยตัดรสขม

หัวข้อนี้ตอบคำถามยอดนิยม แกงขี้เหล็กกินกับอะไร ได้อย่างชัดเจน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

แกงขี้เหล็กทำไมขมมากเกินไป
เกิดจากต้มใบขี้เหล็กไม่พอ หรือไม่เปลี่ยนน้ำต้ม

แกงขี้เหล็กใช้พริกแกงอะไร
ใช้พริกแกงเผ็ดทั่วไป ไม่ควรเผ็ดจัด

แกงขี้เหล็กเก็บไว้ได้กี่วัน
เก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 1–2 วัน และอุ่นด้วยไฟอ่อน

ใบขี้เหล็กกินดิบได้ไหม
ไม่ควร ควรต้มให้สุกเพื่อลดความขมและสารที่ระคายเคือง

สรุป

แกงขี้เหล็กเป็นแกงไทยโบราณที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวจากรสขมนิดๆ เมื่อเตรียมใบขี้เหล็กอย่างถูกวิธีและปรุงรสให้สมดุล จะได้แกงที่อร่อย กลมกล่อม และกินได้เรื่อยๆ เหมาะทั้งทำกินในครอบครัวและเป็นเมนูอาหารไทยที่ควรรักษาไว้

หัวข้อแนะนำ

สูตรอาหารยอดนิยม

หมวดหมู่ยอดนิยม

Scroll to Top