COOKINGHUB เว็บที่รวบรวมข้อมูล สูตรอาหาร สูตรขนมเบเกอรี่ เครื่องดื่ม
  • Home
  • บทความ
  • วิธีทำ แกงบวดฟักทอง เมนูของหวานอาหารไทย แสนอร่อย

วิธีทำ แกงบวดฟักทอง เมนูของหวานอาหารไทย แสนอร่อย

แกงบวดฟักทอง

ฟักทองแกงบวด หรือ แกงบวดฟักทอง เป็นเมนูของหวานไทยยอดนิยมที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ด้วยรสชาติหวานละมุนของกะทิและฟักทองเนื้อแน่น ทำให้อาหารจานนี้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย และสามารถทำได้ง่ายที่บ้าน บทความนี้จะแนะนำสูตรและเคล็ดลับการทำ แกงบวดฟักทอง ที่ไม่ต้องใช้น้ำปูนใส พร้อมอธิบายประโยชน์และวิธีทำให้อร่อย


วัตถุดิบสำหรับแกงบวดฟักทอง

วัตถุดิบสำหรับแกงบวดฟักทอง

ส่วนประกอบหลัก

  • ฟักทองหั่นชิ้นพอดีคำ 300 กรัม (ฟักทองแกงบวด ไม่มีน้ำปูนใส)
  • กะทิกล่อง 500 มิลลิลิตร (วิธีทําแกงบวดฟักทอง กะทิกล่อง)
  • น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม
  • เกลือเล็กน้อย

ส่วนประกอบเพิ่มเติม

  • มะพร้าวอ่อน 1 ลูก (เพิ่มเนื้อมะพร้าว) (แกงบวดฟักทองมะพร้าวอ่อน)
  • ไข่ไก่ต้ม 1 ฟอง (แกงบวดฟักทองใส่ไข่)

วิธีทำแกงบวดฟักทอง

วิธีทำแกงบวดฟักทอง

ขั้นตอนที่ 1: เตรียมฟักทอง

  1. ล้างฟักทองให้สะอาด ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
  2. แช่ฟักทองในน้ำเกลือประมาณ 10 นาทีเพื่อเพิ่มรสชาติ

ขั้นตอนที่ 2: เคี่ยวกะทิ

  1. ตั้งหม้อด้วยไฟอ่อน ใส่กะทิกล่องลงไป เคี่ยวจนเริ่มเดือด
  2. ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้ละลาย

ขั้นตอนที่ 3: ต้มฟักทอง

  1. ใส่ฟักทองลงในกะทิ ต้มจนฟักทองสุกนุ่ม (ประมาณ 10-15 นาที)
  2. เติมเนื้อมะพร้าวอ่อนเพื่อเพิ่มความหอมมัน

ขั้นตอนที่ 4: เสิร์ฟ

  1. ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟร้อนหรือเย็นตามชอบ

ประโยชน์ของแกงบวดฟักทอง

ฟักทองแกงบวด ไม่เพียงแต่รสชาติอร่อย แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น

  • ฟักทอง: มีเบต้าแคโรทีนช่วยบำรุงสายตาและระบบภูมิคุ้มกัน
  • กะทิ: เพิ่มพลังงานและไขมันดี
  • น้ำตาลปี๊บ: ให้พลังงานอย่างช้าๆ และรสชาติหวานธรรมชาติ

ไอเดียการปรับสูตร

  1. ฟักทองแกงบวด ไม่มีน้ำปูนใส: เลือกฟักทองเนื้อแน่น ไม่ต้องใช้น้ำปูนใส แต่ยังคงความกรอบ
  2. แกงบวดฟักทองใส่ไข่: เติมไข่ไก่ต้มเพื่อเพิ่มโปรตีนและรสชาติ
  3. แกงบวดฟักทองมะพร้าวอ่อน: เพิ่มความหอมมันด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน

เคล็ดลับการทำแกงบวดฟักทองให้อร่อย

  1. เลือกฟักทองคุณภาพดี: เลือกฟักทองเนื้อแน่น สีเหลืองเข้ม จะได้รสชาติหวานมัน
  2. ใช้ไฟอ่อน: เพื่อป้องกันกะทิแตกมัน
  3. เสิร์ฟตามความชอบ: ทานร้อนจะได้รสชาติหอมมัน หรือทานเย็นเพิ่มความสดชื่น
Scroll to Top